การเลือกคู่สี ให้เข้ากับบ้านของคุณ


20 กุมภาพันธ์ 2556

สวัสดีค่ะ วันนี้แอดมินเว็บจะมานำเสนอวิธีการเพิ่มบ้านคุณให้ดูใหม่และหลากหลายอารมณ์แบบง่ายๆกันน่ะค่ะ วิธีหนึ่งในการเปลี่ยนบรรยากาศของบ้านให้ดูใหม่ ใช้เวลาไม่มาก อีกทั้งราคาไม่แพง คงหนีไม่พ้นเรื่องการใช้สี หลักการง่ายๆคือแค่เลือกสีที่ชอบและทาบนผนังบ้านไปเลย แต่หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เราต้องคำนึงถึงความต่อเนื่องของสีทั้งในส่วนพื้น ผนัง ฝ้าเพดาน รวมไปถึงของตกแต่งด้วย “การเลือกคู่สี” หรือ “การจับคู่สี” ให้เหมาะสม จึงถือเป็นการเติมสีสันให้บ้านดูสวยงามและน่าอยู่ขึ้นได้

วันนี้จะขอหยิบยกไอเดียการใช้คู่สีสวยๆที่ใช้ง่าย ดูไม่เชย รวมถึงคำแนะนำเล็กๆน้อยๆที่หลายคนอาจมองข้าม เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ที่ยังกล้าๆกลัวๆที่จะใช้สีรู้สึกสนุกกับการเลือกสีสวยๆแต่งบ้านต้อนรับปี 2013 ค่ะ



{ เข้าใจสีกันก่อน }

สีมีผลต่ออารมณ์ความรู้สึก การเลือกใช้สีให้เหมาะกับแต่ละห้องจึงมีส่วนทำให้บ้านของเราน่าอยู่มากขึ้น ซึ่งหากแบ่งตามวรรณะของสีแล้ว เราจะได้สีโทนร้อน เช่น เหลือง แดง และส้ม สีเหล่านี้ช่วยกระตุ้นให้เกิดความสดชื่น รู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง จึงเหมาะจะใช้กับห้องรับแขก ห้องครัว หรือห้องรับประทานอาหาร อีกวรรณะหนึ่งคือสีโทนเย็น เช่น ฟ้า เขียว และน้ำเงิน ให้ความรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย ช่วยให้ห้องมีอุณหภูมิเย็นลง จึงเหมาะกับห้องนอน หรือห้องนั่งเล่น

จับคู่สีอย่างไรดี

ลองหยิบคู่สีที่ชอบ (อาจเลือกจากที่เห็นในนิตยสารหรือรูปถ่าย) แล้วนำไปเทียบกับ Fan Deck (แผ่นตัวอย่างเฉดของสีผสม) ตามบู๊ธสีของแต่ละแบรนด์ เทียบตามเฉดโทนอ่อนเข้มของสีด้วย ควรขอตัวอย่างสีที่ชอบ (สัก 2 เฉด ควรอ่อนและเข้มกว่าโทนสีที่เลือก) ทาบนกระดาษสีขาวขนาด A4 แล้วนำไปติดเทียบบนผนังที่ต้องการทา เทียบกับแสงธรรมชาติและแสงจากหลอดไฟ (เพราะแสงแต่ละแบบทำให้ได้สีแตกต่างกันไป) ทิ้งไว้ประมาณ1-2 วัน แล้วสังเกตความชอบของเราอีกครั้งก่อนตัดสินใจ

การเลือกจับคู่สี แบ่งได้ 2 แบบ

- จับคู่กับสีใกล้เคียงกัน เช่น เหลือง-ส้ม, แดง-ม่วง, ฟ้า-เขียว ช่วยเติมให้สีสดๆดูกลมกลืนน่าใช้งาน

- จับคู่กับสีตัดกัน เช่น แดง-ดำ, เหลือง-น้ำเงิน, เขียว-ส้ม ช่วยเบรกให้สีจัดๆดูไม่แรงเกินไป

หลักการเลือกใช้สีง่ายๆ คือ ควรเลือกสีหลักและสีรองในเปอร์เซ็นต์ 70 : 30 หรือ 80 : 20 ซึ่งเป็นการใช้สีที่ดูสวยงามและลงตัว



{ RED +... }

สีแดง เป็นสีที่เหมือนมีแรงดึงดูดให้ชวนมอง ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหว สีแดงเข้มช่วยให้ห้องเล็กๆดูกว้างขึ้นและยังเน้นให้พื้นที่เล็กๆดูน่าสนใจ เลือกใช้คู่กับสีกลางอย่างขาว เทา ครีม และดำ จะทำให้สีแดงดูโดดเด่น สะดุดตา โดยเฉพาะหากใช้กับห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร ทางเดิน หรือโถงทางเข้า

แนะนำ

อย่างไรก็ตามการใช้สีแดงมากเกินไปอาจทำให้รู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัว อาจลองจับกับคู่สีใกล้เคียงกันอย่างม่วง หรือส้มก็ได้ เพราะทำให้ห้องยังเป็นโทนสีแดงอยู่



{ YELLOW+ … }

สีเหลือง ทำให้ห้องดูสว่างและกว้าง เพราะเนื้อสีช่วยกระจายแสงที่ตกกระทบ สามารถใช้ตกแต่งได้เกือบทุกห้อง โดยเฉพาะห้องที่มีการพบปะพูดคุย หรือใช้งานร่วมกันของสมาชิกในบ้าน อย่างห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน หรือห้องครัว เพราะสร้างความรู้สึกสดชื่นและเบิกบานได้ดี แต่ควรใช้เน้นพื้นที่ขนาดไม่ใหญ่นักร่วมกับโทนสีเข้มอย่างเทา ดำ และน้ำตาลเข้ม จะทำให้ห้องดูมีน้ำหนักและเพิ่มมิติ

แนะนำ

หลีกเลี่ยงการใช้สีเหลืองร่วมกับสีลูกกวาดอย่างชมพู หรือฟ้า เพราะจะทำให้ห้องนั้นกลายเป็นห้องเด็กเล่นแทน นอกจากนี้โทนสีเหลืองยังทำให้ห้องดูโปร่งเบา อาจเลือกใช้ร่วมกับวัสดุที่เจือสีเหลืองแต่เข้มขึ้น เช่น สีไม้ หรือสีเทอราคอตตา เพื่อให้ห้องดูน่าอยู่และอบอุ่นขึ้น



{ BLUE +… }

สีฟ้า-น้ำเงิน เป็นสีที่ใช้ง่าย ให้ความรู้สึกกลางๆ ไม่จัดจ้าเกินไป ทำให้ห้องดูสว่างสบายตา อีกทั้งเป็นโทนสีเย็น จึงให้ความรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย เหมาะกับห้องที่ต้องการสมาธิอย่างห้องทำงาน ห้องน้ำ และห้องนอน อาจเลือกใช้สีฟ้ากับพื้นที่ในบริเวณกว้างได้ ส่วนสีน้ำเงินเข้มหากใช้ในพื้นที่กว้างจะทำให้ห้องดูทึม เล็ก และแคบ จึงไม่ควรใช้สีนี้บนพื้นที่ขนาดไม่ใหญ่นัก หากต้องการให้ห้องดูสะดุดตาลองเลือกใช้สีฟ้า-น้ำเงินกับคู่สีตัดกัน อย่างแดง เหลือง หรือส้ม ก็น่าสนใจไม่น้อย

แนะนำ

เลือกใช้สีน้ำเงินเป็นตัวเชื่อมสีในโทนสีเย็น เช่น โทนสีเขียว เพราะสีฟ้ามีส่วนผสมของสีเขียวอยู่เช่นเดียวกัน ถ้าชอบสีน้ำเงินเข้ม ควรเลือกสีประเภทกึ่งเงา จะช่วยเพิ่มความสว่างให้โทนสีเข้มๆดูน่าใช้งาน



{ GREEN +.... }

สีเขียว เป็นสีที่ชวนให้เรานึกถึงธรรมชาติ โทนเย็นๆของเนื้อสีนี้ยังทำให้เรารู้สึกสงบ สดชื่น และผ่อนคลาย สามารถเลือกใช้ตกแต่งได้เกือบทุกห้อง เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือห้องครัว เราอาจจับคู่สีเขียวกับฟ้า หรือตัดกับคู่ตรงข้ามอย่างโทนสีแดงและน้ำตาล เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้บ้านได้

แนะนำ

โทนสีเขียวที่น่าลองใช้ คือ สีเขียวเข้ม เพราะอยู่ได้นานกว่าโทนสีเขียวที่ดูหวือหวาอย่างเขียวมะนาว สีเขียวเข้มเหมาะกับห้องขนาดกลางถึงใหญ่ ใช้ทาทุกผนังในห้องนั้นๆ หรือถ้าห้องมีขนาดเล็ก แนะนำให้เลือกเฉดสีที่อ่อนลงอย่างสีเขียวมินต์ จะทำให้ห้องดูกว้างขึ้น หลีกเลี่ยงการใช้สีเขียวในทุกจุดของห้อง เช่น ผนัง ม่าน และโซฟา เพราะจะทำให้ห้องนั้นดูเลี่ยนและอึดอัด



{ PASTEL +...}

สีพาสเทล คือ โทนสีใดๆก็แล้วแต่ที่เจือสีขาวเข้าไป เป็นโทนสีบางเบาที่น่าใช้แต่งบ้านมากที่สุดอีกโทนสีหนึ่ง เพราะดูนุ่มนวล อ่อนหวาน และอบอุ่น ส่วนใหญ่มักนำไปใช้ตกแต่งบ้านสไตล์วินเทจ

แนะนำ

สีพาสเทลขึ้นชื่อเรื่องทำให้บรรยากาศของห้องดูสวยหวานอยู่แล้ว บางครั้งจึงต้องระวังการใช้สีสันที่มากเกินไป เพราะจะทำให้ห้องนั้นดูเหมือนห้องตุ๊กตาบาร์บี้ หากยังไม่ชำนาญ ลองเริ่มจากเลือกใช้โทนสีขาว ครีม หรือเทาอ่อน ซึ่งเป็นสีกลาง โดยใช้ในปริมาณมากกว่าสีอื่น แล้วตกแต่งด้วยม่าน เฟอร์นิเจอร์ หรือพรมสีพาสเทลหลากหลายเฉดสีแทน



{ DARK TONE+...}

โทนสีเข้ม สามารถใช้ตกแต่งห้องได้อย่างน่าสนใจ เพราะสร้างอารมณ์ได้หลากหลาย แนะนำให้ใช้ร่วมกับโคมไฟประดับ เพื่อช่วยเพิ่มความรู้สึกอบอุ่นน่าอยู่ หากใช้ร่วมกับสีสดๆหรือสีสว่างจะให้บรรยากาศที่ดูสนุกสนาน อีกทั้งถ้าใช้ให้เหมาะสมจะทำให้ห้องดูเท่ เขร่งขรึม ทะมัดทะแมง และดูมีสไตล์มากๆ สีโทนเข้มไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่สีเทาและดำเท่านั้น ยังมีสีเข้มอื่นๆที่น่าหยิบมาใช้อีกมากมาย เช่น น้ำตาลเข้ม เขียวเข้ม ม่วงเข้ม และน้ำเงินเข้ม

แนะนำ

การใช้สีเข้มมากเกินไปทำให้ห้องดูอึดอัด สีโทนนี้จึงเหมาะกับห้องที่มีฝ้าเพดานสูง มีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ การทาพื้นผิวต่างๆด้วยโทนสีเข้มช่วยทำให้พื้นที่กว้างๆดูกระชับขึ้น แต่ถ้าเรามีห้องเล็กแล้วชอบโทนสีนี้จริงๆ แนะนำให้เลือกทาสีเข้มที่ผนัง พื้น หรือเพดาน โดยทาเพียงด้านเดียว เพื่อช่วยเพิ่มมิติให้ห้องดูลึกขึ้น